Back icon

กลับ

Contents

    Back to top

    อธิบายการซื้อขายแบบสวิง: กลยุทธ์ ประโยชน์ และวิธีการทำงานของมัน

    Time read icon
    Updated ธันวาคม 19, 2024
    Image Written by: Vitaly Makarenko

    Vitaly Makarenko

    Chief Commercial Officer

    Time read icon
    22 ตุลาคม 2567
    Time read icon
    9
    Views icon
    122
    Image Written by: Demetris Makrides

    Demetris Makrides

    Senior Business Development Manager

    สวิงเทรดดิ้ง (Swing Trading) คือวิธีการซื้อขายที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดระยะสั้นถึงระยะกลาง โดยถือครองสินทรัพย์ทางการเงินไว้เป็นระยะเวลาตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์ สวิงเทรดเดอร์พยายามทำกำไรจากความผันผวนของตลาดโดยการจับจังหวะ "สวิง" หรือการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินทรัพย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามอย่างต่อเนื่อง สวิงเทรดดิ้งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการผสมผสานการเทรดแบบก้าวร้าวเข้ากับการใช้เวลาที่เหมาะสม โดยส่วนใหญ่แล้วอาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อค้นหาโอกาสในการเทรด

    ทำความเข้าใจการซื้อขายแบบสวิง

    การเทรดแบบสวิงเทรด (Swing Trading) ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่าอารมณ์ของตลาด ข้อมูลเศรษฐกิจ และตัวแปรอื่นๆ ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์แกว่งตัวระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด แทนที่จะเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง เพื่อตัดสินใจว่าควรเข้าหรือออกจากการซื้อขาย เทรดเดอร์จะพิจารณาการแกว่งตัวของราคาเหล่านี้ พวกเขาพยายามเพิ่มผลกำไรสูงสุดที่เป็นไปได้โดยการถือสถานะเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพื่อให้สามารถจับการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างชัดเจน

    [postLink id=834]

    การเทรดแบบสวิงไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับตลาดอย่างต่อเนื่อง ต่างจากเดย์เทรด ซึ่งต้องซื้อขายภายในวันเดียวกัน จึงเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ไม่สามารถใช้เวลาทั้งวันเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของราคาได้ ขณะเดียวกัน การเทรดแบบสวิงยังให้โอกาสในการเทรดที่บ่อยขึ้นและมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นในระยะเวลาที่สั้นกว่าการลงทุนระยะยาว

    การซื้อขายแบบสวิงทำงานอย่างไร

    เทรดเดอร์ที่พยายามเทรดแบบสวิงเทรดเริ่มต้นด้วยการวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อค้นหาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มราคาแกว่งตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบกราฟ การหาแนวโน้ม และการคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคตโดยใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เครื่องมือที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่ ระดับแนวรับและแนวต้าน ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ และ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่-

    เมื่อพบโอกาสที่น่าสนใจ เทรดเดอร์จะตัดสินใจเลือกจุดเข้าที่ดีที่สุด กำหนดราคาเป้าหมายเพื่อออกจากการเทรด และสร้างคำสั่ง Stop-loss เพื่อควบคุมความเสี่ยง เนื่องจากคำสั่ง Stop-loss ช่วยจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นหากตลาดผันผวนไปในทิศทางที่เทรดเดอร์คาดการณ์ไว้ คำสั่ง Stop-loss จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การกำหนดขีดจำกัดเหล่านี้อย่างชัดเจนจะช่วยให้เทรดเดอร์สวิงสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่มีวินัยในการเลือกเทรดได้

    หลังจากเข้าสถานะแล้ว เทรดเดอร์แบบสวิงจะติดตามตลาดเพื่อติดตามความคืบหน้าของการเทรด แม้ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหรือปรับกลยุทธ์ได้หากจำเป็น การปิดสถานะจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการ Stop Loss, ราคาถึงเป้าหมาย หรือเมื่อมีข้อมูลใหม่บังคับให้เทรดเดอร์ออกจากสถานะ

    กลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิง

    การเทรดแบบสวิงเทรดประกอบด้วยเทคนิคมากมายที่มักใช้กัน โดยอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในแง่มุมต่างๆ เทรดเดอร์ที่ติดตามแนวโน้มมักพบว่าตนเองกำหนดทิศทางโดยรวมของตลาด แล้วจึงทำการซื้อขายตามแนวโน้มนั้น เทรดเดอร์ที่หวังจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินกิจกรรมของตลาดในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง มักจะซื้อในช่วงขาขึ้น หรือขายในช่วงขาลง

    การซื้อขายสวนทางแนวโน้ม (Counter-trend trading) คือการค้นหาจุดกลับตัวของตลาดที่อาจเกิดขึ้น เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่มักใช้กัน ด้วยตัวบ่งชี้อย่าง RSI เทรดเดอร์จะมองหาระดับซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป และคาดการณ์ว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงทิศทาง กลยุทธ์นี้จำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียดและเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวสวนทางกับบรรยากาศโดยรวมของตลาด

    การซื้อขายแบบ Breakout มุ่งเป้าไปที่สินทรัพย์ที่กำลังจะทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่ยอมรับได้ ราคาที่ทะลุผ่านเกณฑ์เหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ การเริ่มต้นสถานะตั้งแต่ช่วง Breakout จะช่วยให้เทรดเดอร์สวิงทำกำไรจากโมเมนตัมนี้ได้

    การเทรดแบบย้อนกลับ (Retracing Trading) ซึ่งมักเรียกว่าการเทรดแบบ Pullback Trading คือการรอให้ราคาปรับตัวลงเล็กน้อยในทิศทางตรงข้ามกับแนวโน้มหลักก่อนที่จะดีดตัวกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติ เทรดเดอร์จะใช้ระดับการเทรดแบบ Fibonacci Retracing เพื่อค้นหาจุดถอยกลับเหล่านี้ และวางเดิมพันทำกำไรในราคาที่เหมาะสม

    วิธีการเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการประยุกต์ใช้อย่างเป็นระบบ เทรดเดอร์สวิงที่ดีมักจะเน้นเทคนิคหนึ่งหรือสองเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดกับสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

    ประโยชน์ของการซื้อขายแบบสวิง

    การเทรดแบบสวิงมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์หลากหลายกลุ่ม ข้อดีหลักประการหนึ่งคือประสิทธิภาพด้านเวลา เนื่องจากสถานะการเทรดถูกถือครองไว้หลายวันหรือหลายสัปดาห์ เทรดเดอร์จึงไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างการเทรดกับภาระผูกพันอื่นๆ ได้

    ศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูด ด้วยการจับความเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญ เทรดเดอร์แบบสวิงสามารถทำกำไรได้อย่างมากจากการเทรดแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวน ซึ่งราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ข้อได้เปรียบที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือความยืดหยุ่น หุ้น อัตราแลกเปลี่ยน สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถใช้สวิงเทรดได้ ความหลากหลายนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง และค้นหาโอกาสในตลาดที่หลากหลาย

    นอกจากนี้ เนื่องจากการซื้อขายแบบสวิงมีการทำธุรกรรมน้อยกว่า การซื้อขายรายวันโดยปกติแล้วจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมน้อยลง ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบของค่าคอมมิชชันและค่าธรรมเนียม ส่งผลให้ผลกำไรโดยรวมดีขึ้น

    ความเสี่ยงและข้อควรพิจารณา

    การเทรดแบบสวิงเทรดมีความเสี่ยงแฝงอยู่ ซึ่งเทรดเดอร์ต้องรับมืออย่างเหมาะสมแม้จะมีข้อได้เปรียบก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สินทรัพย์ไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอด้วยคำสั่งตัดขาดทุน ความผันผวนของตลาดอาจทำให้ราคาแกว่งตัวอย่างไม่คาดคิด ซึ่งนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมาก

    ความเสี่ยงข้ามคืนทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกเวลาทำการ เช่น เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์หรือประกาศทางเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อมูลค่าสินทรัพย์ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดช่องว่างราคาเปิดในตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ที่คาดการณ์ไว้ของการซื้อขาย

    การเทรดแบบสวิงเทรดต้องอาศัยการควบคุมอารมณ์ เทรดเดอร์ควรยึดมั่นในเป้าหมายและหลีกเลี่ยงการตอบโต้ด้วยความกลัวหรือความโลภเพียงอย่างเดียว การเบี่ยงเบนจากแผนที่วางไว้อย่างชัดเจนอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการเทรดแบบสวิงเทรดและเพิ่มโอกาสในการขาดทุน

    ฐานความรู้ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญ เทรดเดอร์แบบสวิงส่วนใหญ่มักพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนั้นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบกราฟ ตัวบ่งชี้ และพลวัตของตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การรักษาความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดและการเรียนรู้ตลอดชีวิตจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

    ข้อมูลเชิงลึกเชิงปฏิบัติเพื่อการซื้อขายแบบสวิงที่ประสบความสำเร็จ

    หากเทรดเดอร์สวิงต้องการประสบความสำเร็จ พวกเขาจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การเทรดที่ครบถ้วน ครอบคลุมทั้งเกณฑ์การเทรด มาตรการบริหารความเสี่ยง และวิธีการ การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เทรดเดอร์ค้นพบโอกาสในการเทรดที่น่าจะประสบความสำเร็จได้

    หากเทรดเดอร์ติดตามข่าวสารตลาดและข้อมูลเศรษฐกิจ พวกเขาจะพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลต่อการลงทุนได้ดีขึ้น การควบคุมตนเอง นั่นคือ การปฏิบัติตามแผนการเทรดและการควบคุมอารมณ์ คือสิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จที่สม่ำเสมอ

    การบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การใช้คำสั่ง Stop Loss และการจำกัดความเสี่ยงจากเงินทุนของคุณในบางธุรกรรมอาจช่วยให้คุณป้องกันตัวเองจากการขาดทุนร้ายแรงได้ การประเมินวิธีการและปรับเปลี่ยนตามผลตอบรับจากผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้

    ตัวบ่งชี้หลักที่ใช้ในการเทรดแบบสวิง

    การเทรดแบบสวิงเทรดส่วนใหญ่อาศัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค และใช้ตัวบ่งชี้หลายตัวเพื่อระบุโอกาสในการเทรดที่เป็นไปได้และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาด ยกตัวอย่างเช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดทิศทางของแนวโน้มได้ โดยการหาค่าเฉลี่ยของราคาในช่วงเวลาหนึ่งและกำจัดสัญญาณรบกวน นอกจากนี้ยังมีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อื่นๆ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย (SMA) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ซึ่งแต่ละค่าจะให้น้ำหนักข้อมูลราคาที่แตกต่างกันไป เพื่อรองรับเทคนิคการซื้อขายที่แตกต่างกัน

    ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เป็นตัวบ่งชี้โมเมนตัมที่วัดจังหวะและการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของราคาในระดับ 0 ถึง 100 และยังเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง RSI ชี้นำเทรดเดอร์ให้เข้าสู่สภาวะตลาดที่ซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป ค่าที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่าสินทรัพย์อาจถูกขายมากเกินไปและพร้อมสำหรับแนวโน้มขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น ค่า RSI ที่สูงกว่า 70 มักบ่งชี้ว่าสินทรัพย์อาจถูกซื้อมากเกินไปและถึงเวลาที่ตลาดจะปรับฐาน

    การเทรดแบบสวิงเทรดยังใช้ประโยชน์จาก Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นอย่างมาก ตัวบ่งชี้นี้ช่วยค้นหาสัญญาณซื้อหรือขายที่เป็นไปได้ และแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้นของราคาสินทรัพย์ เส้น MACD ที่ตัดเหนือเส้นสัญญาณอาจบ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวก ในทางกลับกัน เส้น MACD ที่ตัดต่ำกว่าเส้นสัญญาณอาจบ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงลบ

    แถบ Bollinger Bands เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อีกชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยแถบกลาง (ซึ่งมักจะเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน) และแถบนอกสองแถบที่แสดงถึงค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานที่อยู่เหนือและต่ำกว่าแถบกลาง แถบเหล่านี้สามารถขยายและหดตัวได้ตามความผันผวนของตลาด เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถประเมินราคาสัมพัทธ์ของราคาที่สูงหรือต่ำได้ ราคาที่แตะหรือเคลื่อนตัวเกินช่วงราคาอาจบ่งชี้ถึงการขยายราคามากเกินไป (overextension) และมีแนวโน้มกลับตัว

    เทรดเดอร์แบบสวิงอาจตัดสินใจเลือกจุดเข้าและจุดออกได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้นโดยการนำตัวบ่งชี้เหล่านี้มาประกอบในการวิจัย สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าการใช้ตัวบ่งชี้หลายตัวอาจยืนยันและลดโอกาสการเกิดสัญญาณหลอก ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของวิธีการเทรด

    แง่มุมทางจิตวิทยาของการเทรดแบบสวิง

    ความสำเร็จของเทรดเดอร์ขึ้นอยู่กับแง่มุมทางจิตวิทยาของการเทรดแบบสวิงเทรดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดเคลื่อนไหวทดสอบสถานะของพวกเขา เทรดเดอร์แบบสวิงเทรดต้องพัฒนาวินัยทางอารมณ์เพื่อติดตามกลยุทธ์การเทรดอย่างใกล้ชิด เราต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ เช่น ความโลภและความกลัว แม้ว่าความโลภอาจทำให้เทรดเดอร์ยึดติดกับสถานะนานเกินไป และเสี่ยงต่อการขาดทุนเมื่อตลาดกลับตัว แต่ความกลัวอาจนำไปสู่การถอนตัวออกจากการเทรดก่อนกำหนด ส่งผลให้พลาดโอกาสในการทำกำไร

    สำหรับเทรดเดอร์แบบสวิง ความอดทนเป็นคุณสมบัติทางจิตวิทยาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง สถานะการซื้อขายจะถูกคงไว้เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ดังนั้นเทรดเดอร์จึงต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดระยะสั้นอย่างรวดเร็ว ความอดทนนี้ช่วยให้ธุรกรรมพัฒนาไปตามการวิเคราะห์เดิม และเพิ่มโอกาสในการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ

    โดยธรรมชาติแล้ว การเทรดแบบสวิงเทรดนั้นเกี่ยวข้องกับความไม่แน่นอน เทรดเดอร์ต้องเข้าใจว่าการขาดทุนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเทรด และไม่ใช่ทุกการเทรดที่จะทำกำไรได้ การสร้างความยืดหยุ่นช่วยให้เทรดเดอร์ฟื้นตัวจากความผิดพลาด ปราศจากประสบการณ์เชิงลบที่บั่นทอนการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง การรักษาทัศนคติที่ดีและมุ่งเน้นไปที่ผลการดำเนินงานระยะยาวแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จชั่วคราว สามารถพัฒนาการตัดสินใจและความสำเร็จในการเทรดโดยรวมได้

    เทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การพักเป็นระยะ การฝึกสติ หรือการออกกำลังกาย อาจช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตได้เช่นกัน เทรดเดอร์แบบสวิง (Swing Trader) เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมภายใต้แรงกดดัน โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและการควบคุมอารมณ์เป็นอันดับแรก

    การเปรียบเทียบการซื้อขายแบบสวิงกับรูปแบบการซื้อขายอื่นๆ

    การรู้ว่าการเทรดแบบสวิงเทรดนั้นแตกต่างจากเทคนิคการเทรดแบบอื่นอย่างไร จะช่วยให้เทรดเดอร์เลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับเป้าหมายและวิถีชีวิตของตนเอง การเทรดแบบเดย์เทรดจำเป็นต้องมีการติดตามตลาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจใช้เวลานานและต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และต้องให้ความสำคัญกับการแกว่งตัวของราคาในระยะสั้น

    ในทางกลับกัน การซื้อขายแบบ Position Trading โดยอิงตามแนวโน้มระยะยาวและการวิจัยพื้นฐานจำเป็นต้องรักษาสถานะไว้เป็นระยะเวลานาน ซึ่งมักจะเป็นหลายเดือนหรือหลายปี วิธีการนี้จะดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการลดการมีส่วนร่วมในการบริหารพอร์ตโฟลิโอ

    การเทรดแบบสวิงเทรดเป็นช่องทางกลางระหว่างความต้องการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นกับอิสระในการผสมผสานภาระผูกพันอื่นๆ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเข้าร่วมในตลาดที่ผันผวนได้โดยปราศจากแรงกดดันจากการซื้อขายแบบเดย์เทรด หรือความอดทนที่จำเป็นต่อการลงทุนระยะยาว

    บทสรุป

    การใช้ความผันผวนของราคาในระยะสั้นถึงระยะกลางเพื่อสร้างกำไร ถือเป็นวิธีการเทรดที่ยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่าย เทรดเดอร์แบบสวิงสามารถเจรจาต่อรองในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและแสวงหาผลกำไรจำนวนมากโดยการผสมผสานการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัยเข้ากับการวิเคราะห์ทางเทคนิค แม้ว่าการเทรดแบบสวิงจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ การเตรียมตัวอย่างรอบคอบ และการควบคุมอารมณ์ แต่ข้อดีของวิธีนี้ก็ดึงดูดเทรดเดอร์ที่มองหาวิธีการผสมผสานในการเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาด

    FAQ

    กฎ 1% ในการซื้อขายแบบสวิงคืออะไร?

    กฎ 1% ในการซื้อขายแบบสวิงเทรดระบุว่าเทรดเดอร์ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1% ของเงินทุนทั้งหมดในการเทรดหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงเป็นการบริหารความเสี่ยงและกระจายเงินทุนให้ครอบคลุมทุกช่วงเวลา เมื่อมีเงิน 10,000 ดอลลาร์ในบัญชีเทรดของคุณ คุณจะเสี่ยงไม่เกิน 100 ดอลลาร์ในการเทรดแต่ละครั้ง

    คุณสามารถสวิงเทรดด้วยเงิน 1,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่?

    คุณสามารถเทรดแบบสวิงเทรดได้ด้วยเงิน 1,000 ดอลลาร์ แต่เงินทุนเพียงเล็กน้อยอาจจำกัดความสามารถในการกระจายความเสี่ยงของคุณ และอาจทำให้การจ่ายค่าใช้จ่ายในการเทรดเป็นเรื่องยากในขณะที่ยังคงทำกำไรได้จำนวนมาก การเพิ่มจำนวนบัญชีขนาดเล็กอย่างต่อเนื่องนั้น จำเป็นต้องบริหารจัดการความคาดหวังและมุ่งเน้นไปที่การเทรดอย่างมีวินัย

    คุณสามารถใช้ชีวิตจากการซื้อขายแบบสวิงได้หรือไม่?

    แม้ว่าการเทรดแบบสวิงเทรดจะเป็นไปได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว การสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อความต้องการในชีวิตประจำวันนั้นจำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดช่วงเวลาที่ผลตอบแทนลดลงและความผันผวนของตลาด

    ต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเริ่มต้นการเทรดแบบสวิง?

    การเริ่มต้นด้วยเงินทุนอย่างน้อย 2,000 ถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะให้เงินสดเพียงพอสำหรับการกระจายการลงทุนควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง เงินทุนจำนวนนี้ช่วยให้สามารถดำเนินกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงได้อย่างสมเหตุสมผล และยังช่วยให้สามารถลงทุนในขนาดตำแหน่งซื้อขายที่ใหญ่ได้

    อัปเดต:

    19 ธันวาคม 2567
    Views icon
    122

    Chief Commercial Officer

    With over 8 years in the fintech market, Vitaly now serves as Quadcode's Chief Commercial Officer. He's excited to share his expertise in the industry with you.

    5 สิงหาคม 2568

    อ่านเพิ่มเติม

    Read more icon

    24 กรกฎาคม 2568

    Quadcode Group เสร็จสิ้นการขาย QCEX มูลค่า 112 ล้านเหรียญให้กับ Polymarket

    การพนันแบบสเปรดจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการวิเคราะห์ตลาดที่ดี การกำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสม และการจัดการอารมณ์ มากกว่าโชคหรือการคาดเดา

    อ่านเพิ่มเติม

    Read more icon

    9 กรกฎาคม 2568

    วิธีการซื้อขายไบนารีออปชั่น: คู่มือฉบับสมบูรณ์

    คุณคาดการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ทุนจะสูงหรือต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้เมื่อออปชั่นหมดอายุ

    อ่านเพิ่มเติม

    Read more icon