กลับ
เนื้อหา
คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การเป็นโบรกเกอร์ CFD ไวท์เลเบลที่เชี่ยวชาญ


Vitaly Makarenko
Chief Commercial Officer

Demetris Makrides
Senior Business Development Manager
โลกทางการเงินมีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยความซับซ้อน สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) เป็นอีกโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้สามารถสร้างกำไรจากการทำธุรกิจโบรกเกอร์ หากกำลังวางแผนที่จะเปิดบริษัทโบรกเกอร์ CFD ด้วยใช้โมเดลไวท์เลเบล ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐาน ลักษณะการทำงาน และกฎข้อบังคับต่างๆ ที่ควบคุมการดำเนินธุรกิจ บทความนี้จะอธิบายทุกอย่างที่จำเป็นต้องรู้สำหรับการทำธุรกิจโบรกเกอร์ CFD ที่ใช้โมเดลไวท์เลเบล โดยจะเริ่มด้วยการกล่าวถึงแนวคิดพื้นฐานต่างๆ
การเทรด CFD มีหลักการทำงานอย่างไร
สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contracts for Difference หรือ CFD) เป็นรูปแบบการเทรดตราสารอนุพันธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นเหมือนการทำสัญญากันระหว่างโบรกเกอร์และเทรดเดอร์ เพื่อให้ไม่ต้องซื้อสินทรัพย์จริงๆ (เช่น หุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์) แต่เป็นการทำสัญญาที่อิงตามการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์นั้นๆ
หลักการพื้นฐานของการเทรด CFD ง่ายมาก เมื่อทำการเข้าเทรดจะต้องคาดการณ์ว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะสูงขึ้นหรือลดลง โดยสามารถเลือกเทรดสินทรัพย์อ้างอิงได้หลายอย่าง ตั้งแต่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำหรือน้ำมัน ไปจนถึงดัชนีหุ้น และแม้แต่คู่สกุลเงิน
ในการเทรด CFD จะสามารถทำการ “ซื้อ” (เลือกสถานะ Long) หากคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากเชื่อว่าราคาของสินทรัพย์จะลดลงก็สามารถ “ขาย” (เลือกสถานะShort) ความยืดหยุ่นดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าสนใจของการเทรด CFD ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรภายใต้สภาวะตลาดและเซนติเมนต์ตลาดที่แตกต่างกัน
เลือก Long | เลือก Short |
ขาย | ซื้อ |
ซื้อ | ขาดทุน |
กำไร | กำไร |
ขาดทุน | ขาย |
ขาย | ซื้อ |
สิ่งสำคัญของการเทรด CFD คือการใช้เลเวอเรจ หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเทรดสถานะที่ใหญ่ขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่มีสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ นั่นคือ ถึงแม้เลเวอเรจจะสามารถทวีคูณกำไร แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้การขาดทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
หลังจากที่ปิดเทรด กำไรหรือขาดทุนจะเกิดขึ้นในการเทรด CFD หากคาดการณ์ทิศทางของราคาสินทรัพย์ได้ถูกต้อง เทรดเดอร์จะได้รับกำไร แต่หากคาดการณ์ทิศทางผิดก็จะขาดทุน ส่วนต่างระหว่างราคาตอนที่เข้าเทรดและราคาตอนที่ปิดเทรดจะเป็นตัวกำหนดจำนวนกำไรที่ได้รับหรือปริมาณการขาดทุน
ทำไมการเทรด CFD ได้รับความนิยม
ความหลากหลายทำให้การเทรด CFD เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกระจายพอร์ตด้วยการเทรดสินทรัพย์ในตลาดที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การที่เทรดเดอร์ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงๆ โบรกเกอร์จึงไม่จำเป็นต้องขออนุมัติบัญชีโบรกเกอร์หรือผ่านกระบวนการขออนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของจริง
แม้ว่าการเทรด CFD จะช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการเข้าถึงตลาดและไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเหมือนกับระบบเทรดอื่นๆ แต่โบรกเกอร์เองต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างเชี่ยวชาญและเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง สิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเป็นโบรกเกอร์เทรดCFD ได้แก่ การศึกษาข้อมูลเชิงลึก การสร้างกลยุทธ์ และการคาดการณ์ความเสี่ยง
ความแตกต่างของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และโบรกเกอร์ CFD
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเทรดในตลาดฟอเร็กซ์จะทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงิน เช่น ดอลลาร์สหรัฐเทียบกับฟรังก์สวิสหรือยูโร ปัจจัยหลักที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์ ได้แก่ ตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายธนาคารกลาง และข่าวการเงินระหว่างประเทศ
โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์และโบรกเกอร์ CFD
CFD | ฟอเร็กซ์ |
อนุพันธ์ทางการเงิน | สกุลเงินกระดาษ |
ข้อตกลงระหว่างเทรดเดอร์และโบรกเกอร์ | Over-The-Counter (OTC) |
สินทรัพย์หลากหลาย | อิงตามมูลค่าของสกุลเงิน |
เลเวอเรจสูงกว่า | ตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก |
อิงตามส่วนต่างของราคาปัจจุบันและราคาในอนาคต |
เปรียบเทียบฟอเร็กซ์และ CFD
- รายการสินทรัพย์ – การเทรดฟอเร็กซ์จำกัดเฉพาะคู่สกุลเงินเท่านั้น ส่วน CFD จะครอบคลุมสินทรัพย์หลายประเภท ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรให้กับเทรดเดอร์
- ตัวชี้วัดอิทธิพลต่อตลาด – สภาพเศรษฐกิจโลกและนโยบายธนาคารกลางส่งผลกระทบต่อฟอเร็กซ์อย่างมาก ส่วน CFD มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ ที่หลากหลายกว่า ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เทรด
- ช่วงเวลาเทรด – ตลาดฟอเร็กซ์เปิดตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นตลาดระดับโลก ส่วนช่วงเวลาเทรด CFD จะไม่เหมือนกับฟอเร็กซ์ แตกต่างกันตามสินทรัพย์แต่ละประเภท เช่น ช่วงเวลาเทรด CFD ของหุ้นจะสอดคล้องกับเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ที่หุ้นจดทะเบียน
- สภาพคล่อง – ตลาดฟอเร็กซ์มีปริมาณการเทรดขนาดใหญ่ สภาพคล่องจึงมหาศาล ส่วนสภาพคล่องของตลาด CFD จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เทรดและลักษณะเฉพาะของตลาดนั้นๆ
- ระดับความเสี่ยง – ทั้งสองตลาดมีความเสี่ยงเหมือนกัน แต่ตลาด CFD มีสินทรัพย์หลายประเภทกว่า จึงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกระจายพอร์ต จัดสรรการลงทุน และจัดการความเสี่ยงในอนาคตได้ดีกว่า
- ข้อกำหนดมาร์จิ้น – การเทรดฟอเร็กซ์ช่วยให้เทรดเดอร์ใช้เลเวอเรจได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการเทรด CFD หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถเปิดสถานะฟอเร็กซ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยเงินลงทุนที่น้อยกว่า แต่เลเวอเรจเปรียบได้กับดาบสองคม ซึ่งต้องเข้าใจว่าถึงแม้เลเวอเรจที่สูงจะสามารถเพิ่มกำไรได้มาก แต่ความเสี่ยงที่จะขาดทุนก็เพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกัน
- กลยุทธ์การเทรด – ตลาดแต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะ ดังนั้นจึงอาจจำเป็นต้องเลือกใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาดที่แตกต่างกัน เช่น สกัลปิ้ง (Scalping) ที่เป็นการเทรดหลายครั้งเพื่อใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาเพียงเล็กน้อยอาจเหมาะกับฟอเร็กซ์มากกว่าเนื่องจากเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องและสเปรดแคบ ในทางตรงกันข้าม กลยุทธ์ติดตามแนวโน้มระยะยาวอาจใช้ได้ดีกว่ากับตลาด CFD เพราะว่าเป็นตลาดที่มีอุปสงค์และอุปทานผันผวน
การทำธุรกิจโบรกเกอร์
ความสำเร็จของการทำธุรกิจโบรกเกอร์ CFD ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญต่างๆ ที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างสอดคล้อง แต่ละส่วนมีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะด้านเกี่ยวกับการนำเสนอประสบการณ์เทรด
องค์ประกอบที่สำคัญของการทำธุรกิจโบรกเกอร์
แพลตฟอร์มเทรด | แบ็กออฟฟิศ |
สภาพคล่อง | การจัดการความเสี่ยง |
โปรแกรมแอฟฟิลิเอท | ฝ่ายช่วยเหลือ |
แพลตฟอร์มเทรด
กิจกรรมทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มเทรด ดังนั้นแพลตฟอร์มเทรดจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของธุรกิจโบรกเกอร์ CFD แพลตฟอร์มเทรดในอุดมคติต้องนำเสนอทั้งความน่าเชื่อถือในด้านเทคนิคและระบบที่ใช้งานง่าย แม้ว่าพื้นฐานของแพลตฟอร์มเทรดจะเป็นกลไกของอัลกอริทึมที่ซับซ้อนซึ่งประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ แต่ผู้ใช้ควรสามารถใช้แพลตฟอร์มเทรดได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีปัญหา
โบรกเกอร์มืออาชีพควรคำนึงถึงการใช้งานของเทรดเดอร์เป็นหลัก ซึ่งเทรดเดอร์จะเลือกแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่ดีที่สุด แสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการออกแบบที่เรียบง่ายแพลตฟอร์มเทรดต้องมีการอัปเดตอยู่เป็นประจำ รวมถึงการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานตามข้อเสนอแนะของผู้ใช้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโบรกเกอร์ใส่ใจลูกค้า
แบ็กออฟฟิศ
แบ็กออฟฟิศ (Back Office) เป็นการปฏิบัติงานทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานหน้าบ้าน เพื่อให้การดูแลระบบและการดำเนินงานมีความราบรื่นอย่างต่อเนื่อง แบ็กออฟฟิศจะเกี่ยวข้องกับประวัติการทำธุรกรรมและรายงานทางการเงิน รวมถึงความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและการทำความเข้าใจข้อมูล เครื่องมือสร้างรายงานอัตโนมัติที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โบรกเกอร์ควรมองหาระบบที่สามารถปรับขนาดเพื่อรองรับการเติบโต เมื่อฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น แบ็กออฟฟิศควรปรับการดำเนินงานให้สอดคล้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดาย
สภาพคล่อง
ในการเทรด CFD สภาพคล่องทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมของเทรดเดอร์และการตอบสนองของตลาด ผู้ให้บริการสภาพคล่องที่หลากหลายจะทำให้เทรดเดอร์สามารถซื้อขายสินทรัพย์ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์อย่างไม่เหมาะสม แม้ว่าแหล่งสภาพคล่องอาจดูเรียบง่าย แต่ตลาดที่แปรปรวนจะทำให้แหล่งสภาพคล่องยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น ดังนั้น การมีซัพพลายเออร์หลายรายจะช่วยรับประกันการดำเนินการตามคำสั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยปกป้องโบรกเกอร์จากเหตุการณ์ในตลาดที่ไม่สามารถคาดเดาได้
การจัดการความเสี่ยง
การจัดการความเสี่ยงเป็นอัลกอริทึมที่ซับซ้อน และเทรดเดอร์ต้องใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมเครื่องมือต่างๆ เช่น คำสั่ง Stop Loss หรือ Take Profit เป็นสิ่งจำเป็น ส่วนการฝึกใช้งานให้เชี่ยวชาญก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน โบรกเกอร์ควรส่งเสริมให้เทรดเดอร์ได้รับทักษะเพิ่มเติมด้วยการนำเสนอสื่อการเรียนรู้ เช่น การสัมมนาออนไลน์ บทเรียนสอนเทรด หรือบทความที่มีประโยชน์เพื่อให้ความรู้กับเทรดเดอร์เกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงที่มีความจำเป็นกับการเทรดในตลาดเทรดเดอร์ที่ได้รับข้อมูลรอบด้านมักจะตัดสินใจได้ดีขึ้น ช่วยสนับสนุนสภาพแวดล้อมการเทรดให้มีประสิทธิภาพสำหรับทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วม
โปรแกรมแอฟฟิลิเอท
การเติบโตจากภายใน (Organic Growth) เป็นตัวชี้วัดสำคัญของบริษัทโบรกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จ พาร์ทเนอร์และผู้แนะนำลูกค้าจึงมีบทบาทโดดเด่น แม้ว่าการชักชวนพาร์ทเนอร์จำนวนมากอาจฟังดูเป็นเรื่องที่ดี แต่โบรกเกอร์ควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ ดังนั้นจึงควรเข้าใจว่าความร่วมมือระหว่างโบรกเกอร์และพาร์ทเนอร์ต้องสอดคล้องกับหลักการและคุณค่าของแบรนด์ การสื่อสารและการตรวจสอบผลงานของพาร์ทเนอร์จะช่วยรักษาการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกฝ่าย
ฝ่ายช่วยเหลือ
ฝ่ายช่วยเหลือลูกค้าไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่รับมือกับลูกค้าที่ไม่พอใจ ฝ่ายช่วยเหลือจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพด้วยการส่งมอบบริการที่ยอดเยี่ยม การจัดฝึกอบรมพนักงานอยู่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายช่วยเหลือบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ฝ่ายช่วยเหลือมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชันของแพลตฟอร์มและลักษณะของตลาด
การทำธุรกิจโบรกเกอร์ CFD ในตลาดที่มีขนาดใหญ่จำเป็นต้องทำความเข้าใจและปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ ซึ่งมีความจำเป็นและไม่สามารถมองข้ามได้ การผลักดันให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันถือเป็นการโอกาสสร้างความสำเร็จของโบรกเกอร์ นำมาซึ่งชื่อเสียง และได้รับความไว้ใจจากลูกค้า
หน่วยงานควบคุมโบรกเกอร์ CFD
การดำเนินงานของธุรกิจโบรกเกอร์ CFD ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับเช่นเดียวกับบริษัทด้านการเงินอื่นๆ การควบคุมเหล่านี้จะทำให้โบรกเกอร์ปฏิบัติตามเกณฑ์เดียวกัน ส่งเสริมการสื่อสารแบบเปิดกว้าง และปกป้องผลประโยชน์ของธุรกิจทั้งหมด เป้าหมายของหน่วยงานกำกับดูแลโบรกเกอร์ CFD คือการปกป้องเทรดเดอร์และป้องกันไม่ให้โบรกเกอร์กระทำสิ่งที่อาจไม่เป็นธรรมเพื่อให้โบรกเกอร์นำเสนอบริการภายใต้ข้อจำกัดด้านศีลธรรมและแนวทางที่กำหนดไว้ นโยบายที่จัดทำขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่จะอิงจากประสบการณ์ที่ผ่านมาบทเรียนที่ได้รับ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงิน เพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง การปั่นตลาด(Market Manipulation) ส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเทรดที่มีความโปร่งใสและยุติธรรม
ใบอนุญาต
ก่อนเปิดให้บริการโบรกเกอร์ บริษัทต้องมีใบอนุญาตที่เหมาะสมจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง กระบวนการขอใบอนุญาตมีความเข้มงวด ค่อนข้างยาก และต้องผ่านขั้นตอนต่างๆมากมาย รวมถึงการตรวจสอบรูปแบบการดำเนินงานของโบรกเกอร์อย่างละเอียด ความมั่นคงด้านการเงิน และความน่าเชื่อถือของบุคลากรหลักที่ดำเนินธุรกิจ แต่ละประเทศจะมีหน่วยงานกำกับดูแลแตกต่างกันไป เช่น FCA ของสหราชอาณาจักร และ SEC ของสหรัฐอเมริกา
การปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติเบื้องต้นแล้ว บริษัทต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานและหลักการอย่างเคร่งครัด หน่วยงานกำกับดูแลมักมีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบอยู่เป็นประจำ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และเศรษฐกิจมหภาคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาการทำธุรกิจโบรกเกอร์จึงต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ การตรวจสอบทั้งภายในและภายนอกเป็นประจำจะช่วยรับรองให้การดำเนินงานของธุรกิจโบรกเกอร์ปฏิบัติตามกฎระเบียบอยู่เสมอ การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบจะทำให้โบรกเกอร์เสี่ยงโดนค่าปรับ ส่งผลกระทบต่อความไว้ใจของลูกค้าที่มีต่อโบรกเกอร์ บริษัทได้รับบทลงโทษทางการเงินจำนวนมหาศาล และอาจนำไปสู่การระงับใบอนุญาตในการให้บริการ
การสร้างความไว้ใจและความน่าเชื่อถือ
นอกเหนือจากการได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการแล้ว บริษัทโบรกเกอร์ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบจะมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจอย่างชัดเจน เทรดเดอร์ส่วนใหญ่และเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนมหาศาลมักจะศึกษาข้อมูลและประเมินโบรกเกอร์ด้วยการพิจารณาชื่อเสียงว่าการดำเนินงานอยู่ภายใต้การปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือไม่ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการเลือกโบรกเกอร์โบรกเกอร์ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบทั้งหมดจะสามารถดึงดูดฐานลูกค้าที่ภักดีและมีศักยภาพด้านการลงทุน
เงินทุนที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัทโบรกเกอร์CFD
การเริ่มต้นทำธุรกิจโบรกเกอร์ CFD มีต้นทุนแตกต่างกันไปตามกลยุทธ์ที่ใช้ หากต้องการทำบริษัทเองตั้งแต่เริ่มต้น ควรวางแผนระยะเวลาการดำเนินการประมาณหกเดือน พร้อมค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอย่างน้อย $150,000 ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยี การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และค่าใช้จ่ายการปฏิบัติงานช่วงแรก อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือการเลือกโซลูชันโมเดลไวท์เลเบลที่นำเสนอแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานสำเร็จรูปแบบพร้อมใช้งาน ซึ่งสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้เร็วกว่า กระบวนการอาจเสร็จสิ้นภายในเวลา 2 สัปดาห์ และใช้เงินทุนเริ่มต้นเพียง$20,000
แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจโบรกเกอร์ CFD ไวท์เลเบล
ด้านล่างเป็นการสรุปขั้นตอนสำคัญสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจโบรกเกอร์ด้วยตนเอง รายการเหล่านี้ไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง แต่จะเน้นเฉพาะกระบวนการหลักๆ การเริ่มต้นทำธุรกิจโบรกเกอร์ของตัวเองจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและทำการวางแผนให้รัดกุมที่สุด
แนวทางการเริ่มต้นธุรกิจโบรกเกอร์
1) ทำการวิจัย
2) เลือกผู้ให้บริการไวท์เลเบลที่เหมาะสม
3) ปฏิบัติตามกฎหมาย
4) ค้นหาผู้ให้บริการสภาพคล่อง
5) ทำการตลาด
ทำการวิจัย
ทำการวิจัยตลาดอย่างละเอียดเพื่อค้นหาว่าบริการที่นำเสนอโดยคู่แข่งมีช่องว่างด้านไหนบ้างตลอดจนการศึกษาจุดแข็งของคู่แข่ง การวิจัยควรตรวจสอบและค้นหาความต้องการพื้นฐาน สิ่งที่อยากได้ และความชอบของกลุ่มเป้าหมาย ใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ SWOT และความกดดันทางธุรกิจ 5 ข้อ (Porter’s Five Forces) เพื่อให้เข้าใจธุรกิจของคู่แข่งในตลาดได้เป็นอย่างดี การวิจัยจะช่วยพัฒนาโครงร่างอย่างละเอียดที่แสดงให้เห็นแนวทางการดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์ในโลกแห่งการเทรดที่มีขนาดใหญ่
เลือกผู้ให้บริการไวท์เลเบลที่เหมาะสม
การเริ่มต้นธุรกิจโบรกเกอร์ต้องทำการตัดสินใจที่สำคัญเกี่ยวกับผู้ให้บริการที่ต้องการร่วมงานด้วยเนื่องจากความสำเร็จของธุรกิจโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการไวท์เลเบล ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่าผู้ให้บริการที่เลือกมีประวัติดีและชื่อเสียงโดดเด่น ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือ นวัตกรรม และความมุ่งมั่นด้านการพัฒนา ศึกษาการทำงานของฝ่ายช่วยเหลือว่าพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงหรือไม่ บริษัทแข็งแกร่งแค่ไหน ประสิทธิภาพการดำเนินงานเป็นอย่างไร ติดต่อได้หลายช่องทางหรือไม่ นอกจากนี้ต้องพิจารณาถึงความสามารถในการปรับขนาดเพื่อรองรับการเติบโต เมื่อธุรกิจบรรลุเป้าหมาย ผู้ให้บริการจะสามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตได้หรือไม่ โดยต้องแน่ใจว่าโบรกเกอร์ไวท์เลเบลของคุณจะมีการทำงานที่เป็นปกติใกล้เคียง 100% มากที่สุด
ปฏิบัติตามกฎหมาย
โบรกเกอร์ CFD ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศที่ให้บริการ ทีมกฎหมายที่เชี่ยวชาญจึงมีความสำคัญต่อความสำเร็จของโบรกเกอร์ ทีมกฎหมายที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยง “อุปสรรค” ด้านกฎระเบียบที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เนื่องจากหากมีการฝ่าฝืน หน่วยงานกำกับดูแลอาจเรียกเก็บค่าปรับมหาศาล ทีมกฎหมายที่ดีจึงมีความสำคัญกับบริษัทอย่างยิ่ง
ค้นหาผู้ให้บริการสภาพคล่อง
สภาพคล่องเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงการทำธุรกิจโบรกเกอร์ หากโลกการเงินไม่มีสภาพคล่อง ธุรกิจโบรกเกอร์จะเหี่ยวเฉาและไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ สภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าและออกจากสถานะ หากธุรกิจโบรกเกอร์ไม่สามารถสนับสนุนการเทรดให้ราบรื่นก็จะทำให้สูญเสียฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องค้นหาและร่วมมือกับผู้ให้บริการสภาพคล่องที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้อย่าจำกัดเพียงแค่ผู้ให้บริการสภาพคล่องรายเดียว ควรกระจายความเสี่ยงให้มากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถสนับสนุนเทรดเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำการตลาด
โบรกเกอร์ที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ มีฝ่ายช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยม และมีผู้ให้บริการสภาพคล่องที่เชื่อถือได้หลายราย สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไรหากไม่มีใครรู้จักโบรกเกอร์ ดังนั้น โบรกเกอร์จึงควรพัฒนากลยุทธ์การตลาดอย่างครอบคลุมเพื่อมุ่งเน้นการนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด แผนการตลาดต้องประกอบด้วยกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นการนำเสนอคอนเทนต์ การโฆษณาแบบชำระเงิน สื่อการเรียนรู้ฟรี โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ การสร้างคอมมูนิตี้ และอีกมากมาย แผนการตลาดที่ครอบคลุมจะยิ่งทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
สรุปส่งท้าย
ผลประโยชน์ทางธุรกิจที่จะได้รับจากตลาดและกำไรมหาศาลจากการเทรด CFD เป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับบริษัทโบรกเกอร์ CFD ไวท์เลเบลที่จะนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือความรับผิดชอบ ซึ่งโบรกเกอร์ต้องนำเสนอสภาพแวดล้อมการเทรดที่มีความโปร่งใส ยุติธรรม และมีประสิทธิภาพ การเตรียมการอย่างรอบคอบ การปฏิบัติตามกฎระเบียบและการดำเนินงานที่มุ่งเน้นคุณภาพจะส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวโบรกเกอร์ CFD ไวท์เลเบล และสร้างชื่อเสียงด้วยภาพลักษณ์ที่ดีในโลกของตลาดการเงินที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อัปเดต:
27 มีนาคม 2568