กลับ
Contents
Stop Order คืออะไร?

Iva Kalatozishvili
Business Development Manager

Demetris Makrides
Senior Business Development Manager
คำสั่งหยุดขาดทุน หรือที่รู้จักกันในชื่อคำสั่งหยุดขาดทุน คือคำสั่งซื้อขายที่โบรกเกอร์ของคุณใช้ซื้อหรือขายสินทรัพย์เมื่อราคาถึงระดับราคาที่กำหนด คำสั่งนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยคุณปกป้องผลกำไรหรือลดการขาดทุนในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับคุณ โดยจะเริ่มทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องเฝ้าติดตามตลาดอยู่ตลอดเวลา เมื่อราคาถึงราคาหยุดขาดทุนในการซื้อขาย คำสั่งหยุดขาดทุนจะกลายเป็นคำสั่งตลาด ซึ่งจะดำเนินการทันทีในราคาที่ดีที่สุด
ทำความเข้าใจวิธีการทำงานของคำสั่งหยุด
คำสั่ง Stop Order ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการซื้อขาย เมื่อบุคคลใดกำหนดคำสั่ง Stop Order ไว้ หมายความว่าพวกเขากำลังกำหนดระดับราคาที่ต้องการขายหรือซื้อสินทรัพย์ และออกจากตลาดหากแนวโน้มตลาดไม่เอื้ออำนวย
เมื่อถึงราคาหยุด (Stop Price) แล้ว คำสั่ง Stop Loss จะเปลี่ยนเป็นคำสั่ง Market Order แต่ไม่ได้รับประกันราคาที่แน่นอนสำหรับการดำเนินการ อีกทางเลือกหนึ่ง คุณอาจใช้คำสั่ง Stop Limit เพื่อจำกัดการดำเนินการคำสั่งให้เป็นไปตามราคาจำกัดหรือราคาที่ดีกว่า แต่หากราคาหุ้นแกว่งตัวออกจากระดับที่ต้องการอย่างรวดเร็ว คำสั่งนั้นจะไม่สามารถดำเนินการได้
ประโยชน์ของคำสั่งหยุด
การใช้คำสั่ง Stop Order สามารถสร้างข้อได้เปรียบให้กับเทรดเดอร์และนักลงทุนในแง่ของการบริหารความเสี่ยงและการกำหนดสถานะการซื้อขายอัตโนมัติในกรอบเวลาต่างๆ เช่น การซื้อขายแบบเดย์เทรดหรือการลงทุนระยะยาว ประโยชน์สำคัญประการหนึ่งคือความสามารถในการป้องกันตนเองจากการขาดทุนโดยไม่จำเป็นต้องติดตามกราฟราคาอย่างต่อเนื่อง การดำเนินการอัตโนมัติช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปกป้องพอร์ตการลงทุนและบริหารความเสี่ยงได้โดยไม่ต้องคอยติดตามตลาดหรือกราฟราคาอยู่ตลอดเวลา
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของคำสั่งหยุด (Stop Order) คือช่วยให้คุณปกป้องตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการล็อกกำไรไว้เมื่อมูลค่าสินทรัพย์ของคุณเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ที่คุณเปิดการซื้อขาย ในกรณีที่ตลาดมีแนวโน้มขาขึ้น และคุณต้องการคงสถานะไว้และยังคงเคลื่อนไหวขึ้นต่อไป โดยยังคงได้รับการปกป้องจากภาวะขาลงหรือการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของตลาด การใช้คำสั่งหยุด (Stop Order) จึงเหมาะสมที่สุด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถทำได้โดยการตั้งคำสั่งหยุด (Stop Order) เมื่อราคาตลาดสูงขึ้น คุณสามารถปรับราคาหยุด (Stop Price) ให้เหมาะสมเพื่อรักษากำไรไว้ พร้อมกับปกป้องเงินทุนในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
คำสั่ง Stop Loss มีประโยชน์ทางจิตวิทยาด้วยการกำจัดองค์ประกอบทางอารมณ์ออกจากการตัดสินใจซื้อขาย ซึ่งเทรดเดอร์และนักลงทุนจำนวนมากพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัดสินใจขายสินทรัพย์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่อาจพลาดไป หรือความไม่สบายใจจากการรับรู้ผลขาดทุนก่อนกำหนด การใช้คำสั่ง Stop Loss ช่วยขจัดปัจจัยเหล่านี้ด้วยการใช้แผนการขายที่วางไว้ล่วงหน้า ซึ่งส่งเสริมการตัดสินใจซื้อขายที่มีโครงสร้างและตรรกะมากขึ้น แทนที่จะใช้อารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มต้นด้วยการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง คำสั่ง Stop Loss เป็นวิธีง่ายๆ ที่จะเพิ่มวินัยให้กับกลยุทธ์การซื้อขาย
ยิ่งไปกว่านั้น คำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) ยังมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่ไม่สามารถเฝ้าติดตามกราฟและติดตามการลงทุนของตนเองได้ตลอดเวลาด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ข้อจำกัดด้านเวลา หรือภาระผูกพันอื่นๆ ที่ทำให้พวกเขายุ่งอยู่กับการเทรดและไม่สามารถบริหารจัดการสถานะของตนเองได้ตลอดเวลา คำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) นำเสนอโซลูชันด้วยการทำให้กระบวนการดำเนินการเป็นอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถดำเนินการซื้อขายได้ตามที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องมีการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง คุณสมบัตินี้ทำให้คำสั่งหยุดการซื้อขายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนที่ลงทุนอย่างต่อเนื่องและนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
ข้อเสียของคำสั่งหยุดการซื้อขาย
แม้ว่าคำสั่ง Stop Order จะมีประโยชน์ต่อเทรดเดอร์และนักลงทุน แต่ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน การประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคำสั่ง Stop Order อย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ข้อกังวลสำคัญประการหนึ่งคือราคาที่ลดลง (Slippage) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อมีคำสั่ง Stop Order เกิดขึ้น ทันทีที่คำสั่งเกิดขึ้น คำสั่งดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นคำสั่ง Market Order และดำเนินการตามราคาตลาด ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ คำสั่งนี้อาจส่งผลให้ราคาที่ส่งไปนั้นแตกต่างจากราคา Stop Order อย่างมาก ส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Slippage สถานการณ์เช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดการขายหรือซื้อในราคาที่ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้เมื่อตั้งคำสั่ง Stop Order และอาจทำให้กำไรลดลงหรือขาดทุนมากขึ้น
ข้อเสียอีกประการหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่คำสั่งหยุดการซื้อขายจะถูกเปิดใช้งานเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นและไม่ได้สะท้อนทิศทางตลาดในระยะยาวอย่างแม่นยำ ตลาดการเงินอาจคาดเดาได้ยากในบางครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงคริปโทเคอร์เรนซี และราคาอาจขึ้นหรือลงชั่วครู่โดยไม่มีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด การตั้งคำสั่งหยุดการซื้อขายใกล้กับราคามากเกินไปอาจทำให้คำสั่งหยุดการซื้อขายถูกกระตุ้นโดยการเคลื่อนไหวของราคาชั่วคราวเหล่านี้ ทำให้สถานะของคุณถูกปิดลงโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ สิ่งที่มักจะทำให้สถานการณ์แย่ลงในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อคุณขายสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ คือเมื่อคุณเห็นสินทรัพย์กลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีหลังจากราคาดีดตัวขึ้น แต่คุณพลาดกำไรทั้งหมด และกลับต้องขาดทุนจากคำสั่งหยุดการซื้อขาย
นอกจากนี้ ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำยังสร้างความท้าทายในการซื้อขายแบบปิดบางส่วน ปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อมีคำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) เกิดขึ้นที่ราคาหยุดการซื้อขาย แต่กลับถูกปิดเพียงบางส่วน เนื่องจากผู้ซื้อหรือผู้ขายมีจำนวนไม่เพียงพอที่จะทำให้คำสั่งซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้คำสั่งซื้อขายบางส่วนถูกปิดตามราคาที่ตั้งใจไว้ ระบุ และต้องการ แต่คำสั่งซื้อขายส่วนที่เหลือถูกดำเนินการในอัตราที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือถูกปิดเลย ธุรกรรมที่ไม่สมบูรณ์นี้อาจทำให้กลยุทธ์และแผนการซื้อขายมีความซับซ้อนมากขึ้นสำหรับนักลงทุน เนื่องจากอาจส่งผลให้สถานะการซื้อขายต้องได้รับการจัดการ
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) จะทำให้การซื้อขายเป็นระบบอัตโนมัติและขจัดอิทธิพลทางอารมณ์จากกระบวนการตัดสินใจได้ แต่ก็อาจสร้างความรู้สึกปลอดภัยที่หลอกลวงได้เช่นกัน เทรดเดอร์อาจพึ่งพาคำสั่งหยุดการซื้อขายอย่างมาก โดยคิดว่าตนเองปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจาก Slippage, การซื้อขายบางส่วน, ความผิดพลาดของมนุษย์เมื่อวางคำสั่ง หรือสภาวะตลาดที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการตามคำสั่ง สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าคำสั่งหยุดการซื้อขายเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่มาตรการป้องกันความผิดพลาด และควรใช้ควบคู่ไปกับแผนการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม
ในบางกรณี ในตลาดที่มีอิทธิพลสูงหรือมีปริมาณการซื้อขายต่ำ คำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) อาจใช้ไม่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากราคาอาจถูกควบคุมเพื่อเปิดใช้งานคำสั่งดังกล่าวโดยเจตนา กลยุทธ์นี้เรียกว่า "การล่าหยุดการซื้อขาย" (Stop Hunting) ซึ่งรวมถึงการดันราคาขึ้นไปที่ระดับที่มีคำสั่งหยุดการซื้อขายจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การดำเนินการต่อเนื่องที่อาจผลักดันราคาไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ การใช้แผนที่ความร้อน (Heat Map) ช่วยให้เรามองเห็นว่าคำสั่งหยุดการซื้อขายกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ใด จากนั้นจึงดันราคาขึ้นไปที่ระดับดังกล่าวเพื่อเปิดใช้งานคำสั่งหยุดการซื้อขายเหล่านั้นและขายทำกำไรให้กับเทรดเดอร์ ในกรณีเช่นนี้ เทรดเดอร์อาจถูกปิดสถานะการซื้อขายเพียงเพื่อรอให้ตลาดดีดตัวกลับเข้าสู่สถานะที่ทำกำไรได้หลังจากที่คำสั่งหยุดการซื้อขายเสร็จสิ้น
เคล็ดลับปฏิบัติสำหรับการใช้คำสั่งหยุด
เมื่อใช้คำสั่งหยุดการซื้อขายอย่างมีประสิทธิผล สิ่งสำคัญคือต้องตั้งราคาหยุดการซื้อขายไม่ใกล้หรือไกลจากราคาตลาดปัจจุบันมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดตามปกติ หรือเผชิญกับการสูญเสียที่มากกว่าที่ตั้งใจไว้เนื่องจากความผันผวนของสินทรัพย์และการพิจารณาถึงการยอมรับความเสี่ยง
การรวมคำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) เข้ากับเทคนิคการซื้อขายอื่นๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การรวมคำสั่งหยุดการซื้อขายแบบ trailing stop order จะช่วยปรับเปลี่ยนราคาหยุดการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อราคาตลาดเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่คำสั่งต้องการ วิธีนี้ช่วยให้รักษาผลกำไรไว้ได้ พร้อมกับป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
การประเมินและปรับเปลี่ยนคำสั่งหยุดการซื้อขาย (Stop Order) ของคุณให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปและวิธีการลงทุนของคุณก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ คำสั่งหยุดการซื้อขายที่เคยเหมาะสมอาจไม่สอดคล้องกับสภาวะตลาดหรือวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณอีกต่อไปเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง
บทสรุป
การใช้คำสั่ง Stop Order ถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากช่วยจัดการความเสี่ยงและปกป้องผลกำไรด้วยการดำเนินการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์ การเข้าใจการทำงานของคำสั่ง Stop Order อย่างถ่องแท้ รวมถึงการเรียนรู้ข้อดีข้อเสีย รวมถึงเทคนิคการใช้งาน จะช่วยให้เทรดเดอร์และนักลงทุนสามารถพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายและตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในการตั้งค่าการเทรด แม้ว่าคำสั่ง Stop Order จะมีความเสี่ยงและไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ แต่หากใช้อย่างเหมาะสม จะทำให้เทรดเดอร์อุ่นใจและบริหารจัดการผลลัพธ์การลงทุนได้ดีขึ้น
อัปเดต:
19 ธันวาคม 2567